ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

พระบรมสารีริกธาตุ

๒๓ มิ.ย. ๒๕๖๑

พระบรมสารีริกธาตุ

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๑

วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) .หนองกวาง .โพธาราม .ราชบุรี


ถาม : เรื่องลูกศิษย์รายงานผลการภาวนา

กราบนมัสการหลวงพ่อที่เคารพ

ลูกได้เคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อประมาณ ปีค่ะ หลวงพ่อมีการสอนตั้งแต่ลูกภาวนาไม่เป็นเลย พุทโธก็ไม่ได้ จนสามารถตั้งหลักภาวนาพอได้เบื้องต้นค่ะ ตอนนี้ลูกมาทำงานที่ต่างประเทศได้หลายเดือนแล้วค่ะ มาที่นี่ไม่ค่อยได้มีโอกาสภาวนาเลยค่ะ ลูกพึ่งได้มีโอกาสภาวนาเมื่อรู้ว่าจิตเริ่มสะเทือนหวั่นไหวกับกิเลสตัวใหญ่ค่ะ 

ลูกจึงกราบรายงานผลการภาวนาให้หลวงพ่อฟังดังนี้ค่ะ 

หลวงพ่อ : โอ้โฮ! - หน้าแน่ะ สรุป สรุปว่าเราอ่านแล้ว เราฟังแล้วนะ เราฟังแล้วเราเข้าใจแล้ว

ตอบ : เวลาภาวนาไปแล้วเขาภูมิใจ เขาภูมิใจว่านี่เวลาเขาหลวงพ่อสั่งสอนมาแล้วเขามาทำงานต่างประเทศ พอทำงานต่างประเทศแล้วมันเผชิญกับ เห็นไหม สังคมต่างๆ กิเลสมันก็รุมเร้า พอกิเลสรุมเร้าเพราะไปทำงานต่างประเทศแล้วมันถูกใจ ถูกใจที่ว่าทำงานได้ตามความสามารถของตน เพราะว่าสังคมเขาเปิดกว้าง ไม่เหมือนกับประเทศไทย ประเทศไทยมีแต่การอิจฉาตาร้อน ประเทศไทยมีแต่รังแกกัน 

เขาบอกว่าเขามาแล้วทำด้วยสติปัญญา ทำด้วยความ แบบว่าอยู่แล้วมันพอใจ แล้วก็มีเพื่อนที่เรียนด้วยกันไปสัมภาษณ์งาน ก็เลยมีความคิดว่าไปทำงานชั่วคราว แล้วจะกลับมาประเทศไทย ตอนนี้ใจก็เลยอยากจะว่าอยากเปลี่ยนความคิดไปอยู่ต่างประเทศ นี้อันหนึ่ง แต่เขาพยายามใช้ปัญญาของเขา ด้วยสติปัญญาของเขา ด้วยการงานของเขา แล้วก็พูดถึงภาวนาว่า ในครอบครัวของเขามีปัญหากระทบกระเทือนกัน ในครอบครัวกระทบกระเทือนกันแต่ก่อนมันเจ็บช้ำน้ำใจมาก มีแต่ความเจ็บช้ำ น้ำใจ มีแต่ความปวดร้าว ทำฝืนใจตัวเอง เพราะเป็นปัญหาครอบครัว 

แต่ด้วยสติด้วยปัญญาด้วยการพิจารณาของของเขาจนเห็นโทษ เห็นโทษของเขา ธรรมมันเกิดๆ พอธรรมมันเกิดมัน เห็นไง เห็นว่าสิ่งที่เขากระทำเราๆ ผลของกรรมมันตกกับเขา ทั้งนั้น พอตกกับเขาทั้งนั้นแล้วจิตใจทำไมไม่ยอมรับ ไม่ให้อภัยเขา จิตใจทำไมไม่เปิดกว้างพอพิจารณาแล้วจิตใจเขาเปิดกว้าง พอเปิดกว้าง โอ้โฮ! ทุกข์กองเท่าภูเขามันหลุดออกไปเลย ทุกข์ ทั้งกองเท่าภูเขาที่มันทับหัวอกตัวเองมาตลอด มันหลุดออกไปเลย ให้อภัยได้ด้วยความโล่งโปร่งใจ แล้วซื้อของไปฝากเขา พอไปทำงานกลับบ้านมา เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะ ที่ซื้อของ ไปฝากหลานด้วยความภูมิใจ ด้วยความสุขใจ นี่ เห็นไหม เขาบอก เขาภูมิใจตรงนี้ไง 

นี่เขารายงานผลการปฏิบัติ ถ้ารายงานผลการปฏิบัติ เห็นไหม นี่พูดถึงการปฏิบัตินะ ถ้าเราประพฤติปฏิบัติ ถ้าเวลาประพฤติปฏิบัติเหมือนคนทำงาน คนทำงานฝึกงานๆ ฝึกงาน เป็นงานที่เราไม่เคยทำมันต้องมุมานะมาก เวลาทำงานเป็นแล้ว ผลตอบแทนที่มันยังไม่ได้รับผลตอบแทนเท่าที่เราพอใจ มันก็ยัง ทุกข์ยากมาก แต่ถ้าเวลามีผลตอบแทนขึ้นมาเท่าที่เราพอใจ และมากกว่าที่ตัวเองพอใจ โอ้โฮ! ภูมิใจมากๆ เห็นไหม นี่ไง รายงานผลของการปฏิบัติ 

ถ้ารายงานผลของการปฏิบัตินะ เวลาเราประพฤติปฏิบัติเริ่มต้นเวลามันทุกข์มันยาก เรามันทุกข์มันยาก เวลามันทุกข์มันยากเพราะอะไร เพราะสิ่งที่เวลาประพฤติปฏิบัติธรรม ธรรม มันเหนือโลก ธรรมมันเหนือโลก เห็นไหม ธรรมโอสถ ธรรมโอสถ คนเจ็บไข้ได้ป่วยไปโรงพยาบาลรักษา ถ้าหมอรักษาหาย เราหายจากโรคภัยไข้เจ็บ 

นี่โรคกิเลสๆ โรคกิเลสคือโรคความเข้าใจผิด โรคความโลภ โรคความโกรธ โรคความหลง ในหัวใจนี่ไอ้โรคอย่างนี้ใคร จะรักษา ไปวัดไปวาก็เพื่อจะไปรักษาๆ รักษาแล้วมันดีขึ้นไหม ถ้ามันไม่ดีขึ้นเราก็อมทุกข์ไง อมทุกข์ เห็นไหม เวลาหมอเขา ให้ยา เห็นไหม เวลาหมอให้ยา ให้ยาแล้วมันยังไม่หายขึ้น เขาต้องให้ยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ก็เหมือนกัน เวลาประพฤติปฏิบัติ ผลยังไม่เกิดขึ้น ผลยังไม่ได้ดั่งใจ เห็นไหมปฏิบัติแล้วทำไมมันทุกข์ขนาดนี้ ปฏิบัติแล้วทำไมมันไม่ได้ผลอย่างนี้มันก็มีแต่ความคร่ำครวญอยู่ในหัวใจนั่นไง 

แต่เวลาปฏิบัติ เห็นไหม เวลาเขาก็ภาวนาของเขา นี่ เห็นไหม ไปภาวนาของเขา สิ่งใดที่มันแทงใจ สิ่งใดที่มันฝังใจ มันทุกข์มันยากทั้งนั้น เวลามันทุกข์มันยาก เห็นไหม นี่โรค กิเลส ถ้ามันจะแก้ได้มันแก้ด้วยธรรมโอสถ ถ้าธรรมโอสถ เห็นไหม เวลาหายใจเข้านึกพุท หายใจออกโธ ถ้าหายใจเข้า นึกพุท หายใจออกโธ ให้จิตใจมันเข้มแข็ง จิตใจมันมีกำลัง ถ้ามีกำลังแล้วพอมาฝึกหัดใช้ความคิด ผลของมัน มันจะ เกิดขึ้น 

แต่ถ้าจิตใจยังอ่อนแอนะ เพราะคิดเท่าไรก็คิดไม่รู้หรอก คิดเท่าไรแล้วคิดแล้วก็ก้ำๆ กึ่งๆ คิดแล้วกิเลสมันก็มีกำลัง มากกว่า เวลาความคิดเพราะกำลังมันไม่พอ แล้วถ้าคนภาวนาแล้ว คนเรามันต้องล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ต้องล่วงพ้นด้วยปัญญา มันก็ตะบี้ตะบันจะใช้ปัญญาไป ใช้ไป ใช้ไป ปัญญามันก็ฟั่นเฟือน ปัญญามันไปเข้าทางกิเลส ปัญญาก็บอกอุ้ย! กูเก่ง กูแน่ กูยอดเยี่ยมตลอดเวลา ยอดเยี่ยมทำไมเจ็บช้ำน้ำใจล่ะ ยอดเยี่ยมทำไมมันเจ็บล่ะ ถ้ามันยอดเยี่ยม

นี่ไง แต่ถ้ามันมีสติปัญญาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกโธ ถ้ามีกำลังขึ้นมามีกำลังขึ้นมา แม้แต่คนมีกำลังนะ ปัญหาคนในสังคมเรา ปัญหาสุขภาพนี่สำคัญมากนะ ดูในหลวงรัชกาลที่ ก่อนที่ท่านจะพัฒนาประเทศไทย ท่านพัฒนาทางการแพทย์ก่อน ทางการแพทย์ให้ประชาชนหายจากโรคภัยไข้เจ็บ ให้ประชาชนแข็งแรง ให้ประชาชนสามารถทำงานได้ แล้วเรา ค่อยพัฒนาประเทศ คนที่เขาฉลาดก่อนที่จะพัฒนาประเทศไทย เขาไปพัฒนาวงการทางการแพทย์ ให้สุขภาพของคน ให้สุขภาพของประชาชนแข็งแรงขึ้นมา แล้วแข็งแรงขึ้นมาแล้ววิชาชีพเราก็ฝึกหัดขึ้นมา

นี่ก็เหมือนกัน เราฝึกหัดภาวนาๆ ถ้าจิตใจยังอ่อนแอ จิตใจยังอยู่ในอำนาจของกิเลส คิดเอาแต่ความพอใจของตน คิดเอาแต่กิเลสตัณหาความทะยานอยาก พอคิดเข้าไปเถอะ คิดธรรมะก็ธรรมะของพระพุทธเจ้า เพียงแต่เอ็งเป็นชาวพุทธ เอ็งมา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วตรึกในธรรมเท่านั้น แต่ความจริง ความจริงมันยังไม่เกิดขึ้น ถ้าความจริงมันเกิดขึ้น เขากลับมาพุทโธๆ จนจิตใจมันเข้มแข็งขึ้น แล้ว พอปัญญามันมากขึ้น มันก็ดีขึ้น พอมันดีขึ้นเขารายงานผล โอ้โฮ! ตั้ง - หน้ากระดาษแน่ะ มันอ่านไม่ไหวหรอก ถ้ามันอ่านมันเลยกลายเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียง ๑๐๓.๒๕ ไม่ใช่ มันเยอะมาก 

แต่พอมันเยอะมาก เพียงแต่ว่าผลของการปฏิบัติ เขียนมานะ แล้วว่าจะให้ทำอย่างไรต่อเนื่องไปถ้าทำมาได้ขนาดนี้ นะ ทำมาได้ขนาดนี้ เราก็รับว่าเราเกิดมาเป็นชาวพุทธ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มันก็เหมือนกับธรรมโอสถเป็นรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา ธรรมโอสถสามารถที่จะเข้าชำระล้างกิเลสในใจของตน ทำให้ประชาชนดีขึ้น ทำให้ประชาชนพ้นจากความอึดอัดขัดข้องหมองใจ พ้นจากความเครียดต่างๆ ธรรมโอสถมันมีประโยชน์ขนาดนั้น มันเหนือโลก เหนือโลกทั้งนั้น 

แต่พวกเรามันเข้าไม่ถึงไง เหมือนกับไปโรงพยาบาลก็ไปเฉียดไปเฉียดมา ไปโรงพยาบาล ไปถึงก็ขับรถรอบโรงพยาบาลแล้วกลับบ้าน ไปโรงพยาบาลมาก็ไปจริงๆ ไปโรงพยาบาลมา แล้วเข้าไปหาหมอหรือเปล่า ได้คุยกับหมอหรือยังว่าเราเจ็บไข้ ได้ป่วยด้วยโรคอะไร แล้วหมอให้ยาหรือยัง ให้ยาแล้วยอมกินยาหรือไม่ ให้ยามาแล้วก็เอายาไปโยนทิ้ง ให้ยามาแล้วก็เอายาไปซ่อน กลัวขม ไม่กิน แล้วธรรมโอสถมันจะมีประโยชน์อะไรกับใครล่ะ เพราะอะไร 

เพราะจิตใจของคนมันยังไม่เป็นธรรมไง ไม่เป็นธรรม มันต้องมีเหตุมีผล ไม่เป็นธรรมหมายความว่าหนึ่งบวกหนึ่งต้องเป็นสอง มันมีเหตุมีผลเขาจะให้เราไปหาเขาเอง เขาให้ยามา ก็ต้องรับมา รับมามันก็ต้องกินสิ รับมาก็ไปทิ้ง แล้วก็มาขอยา ใหม่ แล้วก็บอกว่าหมอไม่ดีเลย รักษาไม่หาย ก็เอ็งไม่กินยา อย่างนั้น เอ็งไม่ทำตามนั้น

นี่ก็เหมือนกัน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ-เจ้าถ้าเราทำตามนั้นได้ แต่เราทำตามนั้นไม่ได้ แล้วทำตามนั้น ไม่ได้ ยังเดี๋ยวนี้ เห็นไหม ทำบุญเอาหน้า ทำบุญบาทหนึ่งต้องโฆษณาไป ปี จะถวายต้องถ่ายรูปแล้ว - ครั้งเพื่อไป ลงน่ะมันไร้สาระ แต่ทำบุญทิ้งเหว ทำบุญทิ้งเหวสำคัญ นี่พูดถึงธรรมโอสถ เห็นไหม แล้วถ้าปฏิบัติไปถ้ามันยังไม่ได้ผล ถ้า คำว่ายังไม่ได้ผลไปโรงพยาบาลแล้วเราจะได้มากได้น้อย แค่ไหน แต่ถ้าเราไปแล้ว เรารักษาได้ความจริง ผลเกิดขึ้น ผลเกิดขึ้นเป็นระลอกๆ มาเลยนะ ที่เขาเขียนมานี่มันดีงามไปหมดล่ะ มันดีงามไปหมดเขาคิดได้ ดีขึ้น ความคิดชั่วร้าย เขาคิดเลยนะ ความคิดของเขา เขาพูดถึงกิเลสนะ เขาด่ากิเลสของเขาเอง โอ้โฮ! ว่ามันครอบงำเขามานาน แล้วมันทำได้เป็นชั้นๆ 

นี่พอเราบอกว่าถ้าจิตใจมันดีงาม จิตใจมันดีงามต่อเมื่อสุขภาพเราแข็งแรง เรานี่แข็งแรงทำอะไรก็ได้ตามใจชอบหมดเลย แต่เมื่อไรชราคร่ำคร่า กำลังเราก็น้อยลง ทุกอย่างเราก็น้อยลง สมองก็คิดได้ช้าลง นี่ก็เหมือนกันเวลาจิตมันเจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญ ในการประพฤติปฏิบัติมันจะมีของมันอยู่อย่างนี้ เวลาจิตที่มันดี เวลาจิตที่มันดีนะ ลูกศิษย์เวลาจิตที่มันดี มาถึง โอ้โฮ! ชื่นชมหลวงพ่อมากเลย เราบอก โอ้โฮ! คนด่ากูทั่วโลก คนด่ากูทั่วโลก ไอ้ชมกูมี คน คนด่ากูนี้เต็มไปหมดเลย เวลาคนมันชื่นชมเวลาจิตมันดีนะ โอ้โฮ! ชื่นชมหลวงพ่อมาก แล้วถ้าเคลิบเคลิ้มไปกับเขานะ ตายเลย บอกว่ามึงชื่นชมกู คน คนด่ากูค่อนโลกเลย ไอ้นั่นมันคนที่ตาไม่ถึง

เวลาคนคนเดียวมันยังมีดีมีร้ายในตัวคนคนเดียว ในอารมณ์ของเราก็เหมือนกัน ถ้ามีดีมีร้าย เห็นไหม เจริญแล้วเสื่อม คำว่าเจริญแล้วเสื่อมแต่เราพยายามให้มันเจริญขึ้น เวลา มันเสื่อมลงๆ เสื่อมลงเราก็พัฒนาของเราได้ สรรพสิ่งในโลกนี้ มันเป็นอนิจจังทั้งนั้น มันแปรสภาพไปทั้งนั้น การแปรสภาพไปเรามีสติปัญญาของเรา

นี่ก็เหมือนกัน จะอยู่ที่ไหน จะอยู่เมืองไทยหรืออยู่เมืองนอกก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันแบบว่าเราพอใจ เราพอใจตามนั้น เราทำ ตามนั้นอยู่กับปัจจุบันนั้น แล้วถ้ามันพัฒนาขึ้น มันดีขึ้น เราก็รักษาไว้ ที่เราพูด เราพูดเรากลัวว่าตอนนี้มันดี พอเดี๋ยวมันเสื่อม ขึ้นไปก็ไปซ้ำรอยเดิมอีกล่ะ ก็ไปเศร้าหมอง ไปทุกข์ใจ ไปคร่ำครวญ คร่ำครวญถึงชีวิตไง ตั้งแต่ชีวิตมันเติบโตมามันมีประสบการณ์ สิ่งใดมา สิ่งใดที่บาดหมางก็ฝังใจมา เวลาจิตมันตกต่ำก็ไปคร่ำครวญ ไปอยู่กับความเจ็บปวดอย่างนั้น เวลาจิตมันดีขึ้น มันปลดปล่อยได้หมดเลย ว่าสิ่งนั้นถึงเขาจะทำผิด เขาก็ได้ผลของเขาแล้ว

เขาบอกว่า เขามีคนมาใส่ไคล้เขา ทำร้ายเขา แล้วผลที่เขาได้ เขาก็ได้ของเขาแล้ว ก็เห็นๆ กันอยู่ เห็นๆ กันอยู่มันเรื่องของเขา ภาษาเรานะเราต้องมีธรรมสังเวช เราต้องสงสารเขาด้วย แล้วมันเป็นบทเรียนด้วย การทำอย่างนั้นจะได้ผลตอบแทนอย่างนั้น แล้วทำความดี ทำความดีที่เราว่าเราอดทน เราอดกลั้นมาตลอด แล้วผลตอบกลับมาเราได้ผลตอบแทนที่ดี นี่ไงทำดีไง มันก็เป็นการยืนยัน เป็นการยืนยันธรรมะขององค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า ยืนยันถึงสัจจะความจริงไง ทำดีได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว ทำดีต้องได้ดี เพียงแต่ว่าเมื่อไรเท่านั้นเอง ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ถ้ายังไม่ทันมาก็ทนไปก่อน 

เราทำความดีถ้าไม่ทนนะ ทำดีแล้วไม่ได้ดีมันไม่พอใจ มันจะกลับไปทำความชั่ว มันจะกลับไปร่วมมือกับเขา แล้วพอ กลับไปร่วมมือกับเขา แล้วสุดท้ายแล้วความชั่วนั้นก็ชักลากไป แล้วความดีมันหายไปไหน แต่ทำความดีๆ ความดีทำแสนยาก ทำดีทำแสนยากเพราะทวนกระแส ปลาเป็นมันว่ายทวนน้ำแสนยาก ไอ้ปลาตายมันนอนเฉยๆ ไหลไปตามน้ำนั่นน่ะ การทำคุณงามความดีคือการทวนกระแสกิเลสของตน ทวนกระแสกิเลสของตน แล้วมันเป็นสัจจะเป็นความจริง 

นี่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ อสงไขย อสงไขย ๑๖ อสงไขย ทำมามากกว่านี้ ถ้าทำมามากกว่านี้ เห็นไหม เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นไป เราดูครูบาอาจารย์ที่ท่านทำมา เราเห็น เป็นตัวอย่างอย่างนั้น เราก็สาธุ สาธุหมายความว่า มันมีผู้นำ ท่านบุกเบิกไป เราแค่เดินตามไป ถ้าไม่มีมันไม่กล้าทำเลย แล้วทำแล้วได้ประโยชน์แล้ว แล้วก็เป็นประโยชน์กับเรา ถ้าเป็นประโยชน์กับเรานะ สิ่งที่ว่าที่เขาทำมาแล้วมันเป็นประโยชน์ 

นี่พูดถึงว่ารายงานผลนะ ถ้ารายงานผลแล้วเราคิดว่ามัน จบแล้ว แต่! แต่ชีวิตเรายังมีอยู่ไง เรายังต้องมีชีวิตอยู่ เรายังต้องทำหน้าที่การงานของเรา เรายังต้องดำรงชีพต่อไป เห็นไหม เราก็อยากจะให้ทรงๆ ไว้ แล้วพยายามตั้งสติไว้ แล้วทำคุณงาม ความดีของเรา ตั้งสติไว้นะ เวลามันพลั้งเผลอ กาลเวลามัน กัดกินทุกอย่าง วันเวลาความคิดของคนมันเปลี่ยนแปลงตลอด ถ้าเปลี่ยนแปลงตลอด เราคิดถึงวันนี้ไว้ วันที่ว่าเราภูมิใจ เราคิดถึง วันที่เราภูมิใจว่าเราอดทนอดกลั้นมา แล้วเราทำของเรามานะ แล้วผลมันตอบแทนมา จนแบบว่าจิตใจปลอดโปร่งหมด 

สิ่งใดที่มันขัดแย้งในใจเราทำได้เต็มหัวใจเลย คือแบบว่าเขาซื้อของไปฝากคนที่มีปัญหากับเขาได้ด้วยความภูมิใจ ใช้ได้ เลย แล้วใช้ได้เลย รักษาความรู้สึกอย่างนี้เอาไว้ เหมือนกับ เราจะบอกว่า วันนี้โยมให้อภัยเขาหมดแล้วนะ วันหลังอย่าไปโกรธเขาอีก วันหลังอย่าไปโกรธเขาอีกนะ วันนี้ให้อภัยเขาหมดแล้ว แล้วมันก็จบแล้วนะ 

แต่เวลาเดี๋ยวกิเลสมันกลับมา โอ้โฮ! กลับไปเกลียดเขาอีก ก็คนเดิมนั่นแหละ ก็ให้อภัยเขาบ้าง เดี๋ยวไปโกรธเขาอีกแล้ว ตอนนี้ให้อภัยเขาหมดแล้วนะ ทุกอย่างเคลียร์ได้หมดแล้ว แล้ว ทุกอย่างดีแล้ว รักษา รักษาความรู้สึกอันนี้เอาไว้ รักษา รักษาคุณงามของเราไว้ มันจะเป็นประโยชน์กับเรา นี่การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม จบ

ถาม : เรื่องพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุอรหันต์

หลวงพ่อ : อันนี้มันจะยาว 

กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ

หนูเคยไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ พระ-อรหันตธาตุอยู่หลายครั้ง ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งพระ- บรมสารีริกธาตุมีสีสันหลากหลาย มีพระธาตุของหลวงตา เจ้าแม่ กวนอิมด้วยค่ะ ช่วงนั้นหนูคงติดสีสันอยู่บ้างค่ะ ก็เลยไปบ่อย แล้วนั่งสมาธิที่ข้างๆ แต่หลังจากที่ฟังเทศน์ของหลวงพ่อบทหนึ่งเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ ว่าพระบรมสารีริกธาตุที่ทำจากพลาสติก หลังจากนั้นหนูก็เลยไม่ได้เข้าวัดนั้นอีกเลย

ปีที่แล้วเพื่อนๆ ชวนหนูไปกราบพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ที่มูลนิธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ (บ้านของเขานะ) แล้วได้หนังสือชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ อ่านบทเจอพ่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ ในหนังสือแค่บันทึกไว้ว่า พ่อหมอชีวกสำเร็จพระโสดาปัตติผล ไม่ได้บอกว่าบรรลุพระอรหันต์ค่ะ หนูอยากถามหลวงพ่อว่า พระอรหันตธาตุ น่าจะหมายถึงพระธาตุหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพระอรหันต์ เช่น เส้นผมของหลวงตากลายเป็นพระธาตุ เป็นต้น ในหนังสือมีรูปรวมพระอรหันตธาตุของหลวงพ่อหมอชีวกค่ะ พ่อหมอชีวกเป็นพระอรหันต์ใช่ไหมคะ แล้วถ้าจำไม่ผิด หนูรู้มาว่า ความรู้ทางพระพุทธศาสนาของหนูยังไม่มากค่ะ นี่เขาว่านะ 

เจ้าแม่กวนอิมจะเป็นเทพหรือพรหมกำลังบำเพ็ญบุญอยู่ หรือเพื่อโอกาสอีกนานแสนนานต่อไปท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ดังนั้นสรีระสังขารของเจ้าแม่กวนอิมมีโอกาสกลายเป็น พระธาตุไหมคะ การที่สรีระสังขารส่วนใดส่วนหนึ่งกลายเป็น พระธาตุนั้น จะต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น หรือว่าผู้ที่บรรลุ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และพระอรหันต์ ถึงขั้นไหนชิ้นส่วนของร่างกายจึงสามารถกลายเป็นพระธาตุ

ขอความรู้จากผู้รู้ด้วยเจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณหลวงพ่อ

ตอบ : นี่คำถามเนาะ คำถามมันจะชวนให้เป็นที่เขม่นของสังคมเขา แต่ความที่เป็นกับสังคมเขาหรือไม่เป็นกับสังคมเขา เวลาเราพูดของเรานะ พูดของเราว่าโดยหลักเกณฑ์ โดยโครงสร้าง โดยพื้นฐานความจริง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธศาสนาเกิดจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมา-สัมพุทธเจ้าเป็นพระบรมศาสดา 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการไว้ใน พระไตรปิฎกมากมายมหาศาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ไปจัดการเผาศพพระสารีบุตรเอง แล้วองค์สมเด็จพระ- สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้สั่งเองให้สร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุของพระ- สารีบุตร ของพระโมคคัลลานะ ของพระนะ 

เวลาสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงชีพอยู่ แบบว่าฆราวาสคนใด พระองค์ใดสำเร็จเป็นพระอรหันต์ โดยที่สังคมยังไม่เข้าใจ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเผยแผ่ธรรม เผยแผ่ธรรมในสมัยนั้นมันยังไม่เกิดหลักฐานแน่นอน เพราะว่ามันเป็นบทเริ่มต้น เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ-เจ้ายังดำรงชีพอยู่ สิ่งต่างๆ ผู้คนมันไขว้เขว ไขว้เขวเพราะว่า ในสมัยนั้นมันมีศาสนาเชน ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู ทุกๆ ศาสนาเขาก็มีความเชื่อของเขาแตกต่างกันไป ในศาสนาฮินดู อาตมัน อาตมันกลับไปอยู่กับพระเจ้า กลับไปอยู่ต่างๆ ของพวกนี้ มันมีอยู่โดยดั้งเดิม ในศาสนาเชน ในศาสนาต่างๆ เขาก็เชื่อตามของเขา 

แต่พอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาปฏิเสธหมดเลย ถ้าเขาไหว้ทิศ เราก็ไหว้ทิศ เวลาเขาเคารพบูชาอะไร เราก็เคารพแต่เคารพไม่เหมือนกัน นี่ก็เหมือนกัน เวลา ความเชื่อของเขาๆ อวตารเขาเชื่อเป็นอาตมัน เกิดชาตินี้ต้องเป็นอย่างนี้ๆ เขาเรียกเป็นอัตตา ถ้าเป็นศาสนาพุทธไม่ใช่อย่างนั้น ศาสนาพุทธเป็นอนัตตา เป็นอนัตตาคือว่ามันแปรสภาพของมัน มันจะมีความจริงของมันอยู่ในใจ นี่เวลาในพระพุทธศาสนา 

แล้วเวลาในพระพุทธศาสนาสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนสั่งงานเอง คุมการเผาศพการต่างๆ ท่านทำเอง ทำศพให้พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ภัททิยะที่ท่านไปคุม พระพุทธเจ้าเป็นคนไปเผาเอง จัดการเอง เพราะจัดการเองเพราะมันจะเป็นคุณประโยชน์ มันจะเป็นสิ่งที่น่าเคารพบูชาไง เพราะ เพราะว่าเขาสำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้วสำเร็จเป็นเพราะใคร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้สั่งสอนเอง อนาคตังสญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ-เจ้าเช็กแล้วว่ามันใช่ พอใช่แล้วถึงเวลาแล้วมันก็พิสูจน์แล้วในศาสนาเรามีคุณค่าไง มีคุณค่า มีคุณค่ามาใช่ไหม 

นี่พูดถึงว่า ถ้าเป็นพระบรมสารีริกธาตุหรือเป็นพระธาตุมันเป็นความจริง แต่ความจริงอันนี้มันเกิดมาจากไหน เกิดมา จากเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเผาเอง องค์- สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นผู้พยากรณ์เอง ภัททิยะเป็นพระอรหันต์ พระเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าไปจัดการเอง แต่ในปัจจุบันนี้มันไม่ใช่ ไอ้สิ่งที่เป็นสาระมันก็มีมาใช่ไหม ใน สมัยปัจจุบันนี้มันก็หันซ้ายหันขวา มันหันไปในเรื่องลาภสักการะ ถ้าเป็นความจริงๆ มันจะเป็นความจริง มันเป็นความจริงนะ ใน สมัยพุทธกาลเป็นความจริง แล้วมันเป็นจริงๆ ถ้ามันเป็นจริงเพราะอะไร เพราะทางวิทยาศาสตร์มันยังไม่เจริญไง 

ตอนนี้มีคนเขาเสนอนะ เราฟังตอนนี้ที่เขากำลังจะทำการสังคายนาวงการพระสงฆ์ มีคนเขาเสนอ เขาบอกว่า ในการ เผาศพในวัดต่างๆ ควรระงับในการเผาศพ แล้วให้กทม. เป็นคนสร้างเตาเผาศพไว้ในกทม. ที่ใดที่หนึ่งเพราะอะไร เพราะการเผาศพ พระนี่ได้ผลประโยชน์จากการ กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา เยอะแยะมาก เขาบอกเงินในวงการศาสนาจากการเกิดการตาย ของชาวพุทธได้ผลประโยชน์มากมาย 

ฉะนั้น ให้กทม. เป็นผู้เผาศพ นี่เขาพูดอย่างนี้นะ แต่ที่เราสนใจมากที่สุดแล้วติดใจมาจนบัดนี้เขาบอกเลย แล้วถ้าจะเผาศพจะเอาพระธาตุสีใดๆ สั่งได้เลย เขาพูดอย่างนี้เพราะอะไร เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีมันเจริญมากในการเผาศพ ในการเผานี่นะ เขาเอาคนธรรมดาไปเผาที่สิงคโปร์ด้วยความร้อนเป็นกี่พันองศาไม่รู้ ออกมาจะเป็นพระธาตุเลย เป็นแก้วชิ้นใหญ่ๆ อยากได้บอกมาเลย เพราะเทคโนโลยีมันเจริญไง 

เขาออกมานะ เราดูข่าวแล้วเขาเอามาสัมภาษณ์ เขาบอกเลยนะ เขาเสนอ เสนอว่าให้กทม. นี่เป็นผู้ทำการเผาศพ ไม่ต้องเอาไปที่วัดเพราะวัดมันขูดรีด ไปที่นี่เลย แล้วถ้าใครมีตังค์ ใครมีสมบัติมากอยากให้พ่อแม่ของตนเป็นพระธาตุสีอะไร แจ้งได้เลย บอกมาจะเอาสีเขียว สีปีกแมลงทับ จะเอาสีขาว จะเอาสีอะไรบอกมา ทำให้ได้หมดเลย นี่มันจากเทคโนโลยี นี่ไง เวลาพระ-ธาตุ พระธาตุอะไร 

นี่เราพูดถึงพระบรมสารีริกธาตุนะ พูดถึงพระธาตุอรหันต์นะ เราเชื่อนะ แต่เราเชื่อเราเชื่อมาจากไหน เราเชื่อเพราะเราอยู่กับครูบาอาจารย์มา แต่เดิมสังคมเราเหลวแหลก พอเหลวแหลกไปพระนี่ทำตัวเลวทรามยิ่งกว่าชาวบ้าน แล้วหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านมาฟื้นฟู กองทัพธรรมๆ พยายามเปลี่ยนแปลงเจตนาของสังคมที่นับถือผีให้มานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พยายามทำให้ดีขึ้นมา พอดีขึ้นมาจนเขาเชื่อ เวลาหลวงตาท่านพูดในครอบครัวกรรมฐานๆ เห็นไหม ท่านชี้เองว่าหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นเป็นพระธาตุ ไปดูพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ที่หลวงตาท่านไปดูพระธาตุของหลวงปู่มั่น กับ อะไรที่นครราชสีมา ไอ้พวกรถไฟน่ะ นั่นน่ะ 

เราเก็บไว้เอง แล้วเป็นเอง เราเองเคยได้พระธาตุ ของท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง เราได้เอง เป็นธาตุเป็นกระดูก นี่แหละ แล้วมันก็ค่อยลามมา ลามมาเป็นใสทั้งองค์เลย เรา ให้แม่เราไปหมด เราเอง เราเห็นเอง เราเชื่อเรื่องพระธาตุนี่ ล้านเปอร์เซ็นต์เลย มันเชื่อมันเป็นเพราะอะไร มันเป็นเพราะว่า หลวงตาท่านพูดเอง ถ้าจิตพระอรหันต์มันฟอกร่างกายนั้น พอฟอกร่างกายนั้นฟอกจนกลายเป็นพระธาตุได้ อันนี้มันเป็นเรื่องคุณธรรม

แต่ในเรื่องปัจจุบันนี้มันเรื่องเทคโนโลยี เห็นไหม เขาบอกเลย เราเป็นพระผู้วิเศษเหาะเหินเดินฟ้า ตอนนี้ไม่ต้อง นักธุรกิจ มันเดินทางรอบโลกมันเหาะทุกวันเลย มันหายตัวมันเข้า มันทำได้หมดล่ะ พอเทคโนโลยีมันทำได้แล้ว ไอ้สิ่งที่ว่าเป็นอภิญญา มันเป็นเรื่องที่มันทำซ้อนได้ หายตัวมานะเขายิงแสงเลเซอร์เลย จะเอารูปใครก็ได้ จะเอาหลวงพ่ออะไรก็ได้เหาะอยู่ฟ้า เดี๋ยวนี้เขาถ่ายให้เลย นี้เพราะอะไร เพราะอภิญญามันทำทันกัน เทคโนโลยีสามารถทันได้เลยนะ แต่มรรคไม่ได้ 

ศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญารักษาหัวใจของคน หัวใจของคนที่มีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เพราะมีศีล คือความปกติของใจ มีสติปัญญารื้อค้นถอดถอน ให้ถอดถอนรื้อค้นพยายามถอดถอนอวิชชา นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้าเลอเลิศตรงนี้ นี่ไง ศีล สมาธิ ปัญญา ใจดวงใดไม่มีมรรค ใจดวงนั้นไม่มีผล ใจดวงใดที่มีมรรคคือพยายามฝึกหัด ศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมา ฝึกหัดใช้ปัญญา เห็นไหม เกิดอริยสัจ เกิดสัจจะความจริง เกิดมรรค เกิดมรรคคือเกิด ภาวนามยปัญญา เกิดปัญญาจากใจนั้น ปัญญาจากใจนั้นรื้อค้น ค้นคว้า ถอดถอน สำรอกคายกิเลสออกเป็นชั้นเป็นตอน นี่มันต้องเป็นตรงนี้ 

ถ้าตรงนี้เป็นอย่างนี้ เขาถามว่าพระโสดาบัน พระสกิ-ทาคา พระอนาคา จะเป็นพระธาตุหรือไม่ไม่เป็นทั้งนั้น ถ้า สิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์แล้วทำอย่างไรมันก็เป็น มันต้องเป็นของ มัน โดยสัจจะโดยข้อเท็จจริงของมัน ถ้ามันจะเป็นสัจจะเป็นข้อเท็จจริงของมัน มันต้องเป็นตั้งแต่จิตใจสะอาด จิตใจเป็นมรรคเป็นผลขึ้นมาก่อน หลวงตาท่านถึงได้บอกไง เผาศพหลวงปู่พรหม ท่านพูดไว้เองให้เอาพระธาตุองค์นี้ไว้นะ จะเป็นพระ-ธาตุแน่นอนแล้วก็เป็น เขาจะรู้กันตั้งแต่มีชีวิตอยู่ เขาจะรู้ตั้งแต่สัจธรรมนั้น ถ้าสัจธรรมก็เป็นอย่างนั้นใช่ไหม พอเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นความจริง เรื่องพระธาตุเราเชื่อแน่นอนเลย เราเชื่อของเรา เชื่อ ภาษาของเราเชื่อแบบจริงเลย เชื่อแบบพระสารีบุตรจริงในใจไม่เชื่อใคร เชื่อขนาดนั้น แต่ในโลกนี้ไอ้พวกกะล่อนปลิ้นปล้อนมันเยอะ 

เวลาพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะจะลาสัญชัยไปเฝ้าพระพุทธเจ้าไง สัญชัยบอกในโลกนี้คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก คนโง่นี่หลอกได้ง่ายๆ คนโง่พอเราเชื่อแล้วไง พอเชื่อเรื่องพระพุทธ-ศาสนาเขาเป็นพระธาตุๆ มีพระเยอะแยะไปเอาพลาสติกนี่มาแล้วใส่ตลับไว้ แล้วก็ไปแจกโยม พอโยมไปได้รับมาปลื้มใจ อันนี้ใช่เป็นธาตุหลวงพ่อไหม ใช่! ถ้าใช่เป็นพระธาตุมันหมายความว่า อะไร หมายความว่าหลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ แล้วเอ็งไปซื้อ กล่องมาเอง เอ็งไปซื้อพลาสติกมาเอง แล้วเอ็งบรรจุเอง แล้วเอ็งได้แจกโยมเอง แล้วพอโยมเขารับไปแล้ว แล้วเขาถามกลับมาว่า หลวงพ่อเป็นเจ้าของพระธาตุนี้ใช่ไหม ใช่! แล้วหลวงพ่อเป็นพระอะไรล่ะ 

เริ่มต้นตั้งแต่การทุจริตไปซื้อมาเอง ไปหามาเอง ไปทำมาเอง แล้วทำกันอยู่อย่างนี้ ถ้าทำกันอยู่อย่างนี้มันเป็นพระธาตุไหม เวลาเราเศร้าใจมาก เราเศร้าใจว่าหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ เวลาหลวงปู่ มั่นท่านไปกองทัพธรรม พยายามปราบปรามนะ ให้คนที่ถือผี ให้มันมาถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การถือผีนี่ทุกข์ยากมากนะ พอทำอะไรก็ผิดผีๆ จะกินข้าวไปซื้อไก่มา จะทำแกงไก่ ก็ต้องผ่าไก่ครึ่งหนึ่งไปเซ่นผี อีกครึ่งได้กิน คือเราหาเงินมาคือ ครึ่งหนึ่งต้องเซ่นผี ครึ่งหนึ่งได้ใช้จ่ายในชีวิต มีอะไรเราต้องให้ผีก่อน การถือผีจะทำให้เราแบบว่าเราจะมีรายจ่ายอีกมหาศาลเลย 

พยายามช่วยเหลือบอกว่าไม่ต้องไปถือ ให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผีก็ตายไปแล้ว เราทำบุญกุศล เราอุทิศ ส่วนกุศลให้เขา เราอุทิศส่วนบุญให้เขาดีกว่าเราเอาเนื้อไก่ไปให้เขา เอาเนื้อไก่ให้เขา เขาก็เป็นผีอยู่อย่างนั้น ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้เขา เขาจะได้บุญกุศล เขาได้พัฒนาของเขา เขาได้ไปเกิดที่ดีขึ้น ควรทำสิ่งที่ดี นี่กองทัพธรรมของหลวงปู่มั่นนะ ท่านพยายามทำภาคอีสานทั้งภาค จากถือผีให้มาถือพุทธ แต่ตอนนี้กลับไปถือผี พระกลับให้ไปถือผี พระกลับไปสอนเขาเรื่องอภิญญา เรื่องบ้าบอ คอแตก มันน่าเศร้า โธ่! ๙๐ เปอร์เซ็นต์ที่พระธาตุ พระธาตุใน ท้องตลาดพลาสติกทั้งนั้น พลาสติกทั้งนั้น

โธ่! บอกว่ามันหยิกเล็บมันจะเจ็บเนื้อไง เราเชื่อมาก เรื่องพระบรมสารีริกธาตุ เราเชื่อมากเรื่องพระธาตุอรหันต์ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิต เรานี่นะบวชใหม่ๆ ไปภาวนาไม่เป็นหรอก ทุกข์น่าดูเลย อาศัยไปพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ไปดูพระธาตุของหลวงปู่มั่น ให้ยืนยันว่าพระอรหันต์มีจริง ปฏิบัติแล้วมีมรรคผลจริง พระธาตุของหลวงปู่มั่นสมัยนั้นนะ มันเหมือนกับเขาเอเวอเรสต์ มันเป็นเหมือนภูเขา ภูเขาน้ำแข็ง ใส สวยมาก สวยมากเลย 

แล้วตอนนี้เราก็ไป ไปพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ตอนนี้นะมันจะกลายตัวยุบตัวลงกลายเป็นเหมือนหยดน้ำที่ยุบตัวลง แล้วขุ่นๆ มัวๆ ไม่ใสเหมือนเดิมเลย เราจะบอกว่าสมัยที่เราบวชใหม่ๆ เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว พระธาตุของหลวงปู่มั่นท่านสดชื่นแจ่มใสแวววาว ตอนนี้พระธาตุของหลวงปู่มั่นท่านคงแบบว่าอึดอัดขัดข้องล่ะเนาะ พระมันแย่มากเลย ยุบตัวลงนะ กลายเป็นหยดน้ำใสบาง เราจะบอกว่าปัญหาสภาวะแวดล้อม ปัญหาสังคมทำให้พระธาตุหลวงปู่มั่นเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย แต่ก็เป็นพระธาตุอยู่เหมือนเดิมนะ แต่รูปทรงนะ เปลี่ยนไปหมดเลย รูปทรงไม่เหมือนเดิมเลย องค์เดิมนั่นแหละ

นี่ เห็นไหม เราจะบอกว่า ถ้าใครมีพระธาตุนะ ถ้าเราทำคุณงามความดี เราบูชาด้วยดอกมะลิ พระธาตุจะเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐ องค์ ๒๐ องค์ ๓๐ องค์เป็น ๑๐๐ องค์ ทำไมมันเพิ่มได้ล่ะ พลาสติกเพิ่มได้ไหม พลาสติกเพิ่มได้หรือเปล่า พลาสติกหายได้ไหม เว้นไว้แต่โยนทิ้ง แต่ถ้าพระธาตุนะ ถ้าคนที่ถือพระธาตุไว้ทำตัวเลวทรามนะ พระธาตุนั้นจะหายไปเลย พระธาตุเป็นสิ่ง ที่มีชีวิตมาได้ เหมือนสิ่งมีชีวิตเพิ่มจำนวนได้ ยุบตัวเองได้ ทำตัวเองได้ นี้คือเหมือนสิ่งมีชีวิต ธาตุที่มีชีวิต

พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,๐๐๐ ปีแล้ว พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม- พุทธเจ้าจะกลับมารวมตัวกัน เพราะว่าต่อไปอนาคตกาลจะเป็นยุคของพระศรีอริยเมตไตรย พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จ- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยู่บนดาวดึงส์ พระบรมสารีริกธาตุจะมารวมตัวกันที่ชมพูทวีปเหมือนเดิม นี่พระบรมสารีริกธาตุเป็นสิ่งที่ มหัศจรรย์ สิ่งที่ดีงามมาก แล้วของจริงมันมีน้อย แต่ของจริง เราเชื่อ เราเชื่อที่ความจริงอันนั้ แต่ถ้าเป็นโดยทั่วไปไร้สาระเลย นี่ยังไม่ได้ตอบปัญหาเลยนะนี่ 

พูดถึงพระบรมสารีริกธาตุ มันอัดอั้นตันใจ บอกเชื่อไหมเชื่อ เชื่อเพราะครูบาอาจารย์ของเราท่านเป็นพระอรหันต์ก่อน ถ้าเป็นพระอรหันต์ไปแล้วจะไปเผาที่ไหน จะตายอย่างไรเป็น พระธาตุแน่นอน เป็นแน่นอน แต่ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์อย่างไรก็ไม่เป็น เวลาไม่เป็นขึ้นมา โอ้ฮู! เพราะเราฟังวงการใดก็จะรู้เรื่องในวงการนั้น ในวงการพระ เราอยู่กับพระ พระมาเล่าให้ฟังเยอะ ว่าเขาไปซื้อพลาสติกมาแจกกันอย่างไร เขาทำกันอย่างไร ฮูย! เรารู้เรื่องนี้เยอะนะ เราจะทำวิทยานิพนธ์เรื่องพระธาตุ แต่เห็นแล้วมันเศร้าใจไง 

ในสังคมมีทั้งดีและชั่ว ในสังคมมีพระที่ดีและพระชั่ว พระดีๆ ก็ทำให้สังคมดีขึ้น พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น แต่พระที่แสวงหาผลประโยชน์ก็เลยแบบว่าอ้างอิงไปเรื่อย พระบรมสารีริกธาตุ มีอยู่จริง แต่มีอยู่จริงแล้วรูปลักษณะมันคล้ายกัน แล้วอย่างที่ว่า เห็นไหม เวลาอย่างที่เขาเสนอนะ เราดูข่าวอยู่ เราฟังแล้วแบบภาษาเรานะอึ้งเลย เขาบอกเลยนะ เสนอให้กทม. ทำสนามหลวง ทำเตาเผาให้เต็มไปหมดเลย แล้วใครมาก็เผาได้หมดในราคายุติธรรม ไม่ต้องไปเผาที่วัด แล้วถ้าใครบ้านใครมีฐานะต้องการให้อัฏฐิธาตุของบรรพบุรุษเป็นสีเขียว สีขาว สีแดง บอกมาเลยทำได้หมด เขาเหมาเลย

นี่ไง ในปัจจุบันเป็นอย่างนั้นแล้ว เรื่องอย่างนี้มันถึงแบบว่าถ้าเราอย่างนี้ปั๊บ เราจะบอกว่า ชาวพุทธต้องให้เป็นปัญญาชน หูตาสว่าง อย่าให้ทั่วโลก อย่าให้ลัทธิศาสนาอื่นเขาดูถูกดูแคลน ว่าชาวพุทธศึกษามาตั้งแต่ต้นจนสูงส่ง แล้วก็มากราบไหว้ พลาสติกกันอย่างนี้ เขาเห็นแล้ว เขาจะหัวเราะเยาะ เราไม่ได้ ว่าอย่างนั้น เวลาเราพูดโต้แย้งพวกปัญญาชนนะ เขาบอกพวกเราไหว้ทองเหลืองๆ เราบอกเราไม่ได้ไหว้ทองเหลือง เราไหว้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไหว้ถึงพระ เราไหว้ถึง พระพุทธเจ้า ไหว้ถึงปัญญาคุณ พุทธคุณ สังฆคุณขององค์-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไม่ได้ไหว้ทองเหลือง ทองเหลืองเป็นรูปเคารพ

นี่ก็เหมือนกัน ไหว้พระธาตุ ไหว้พระธาตุ พระธาตุเราไหว้ เรากราบไหว้ เราชื่นชม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่เราไม่เป็นเหยื่อของผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์ เราไม่เป็นเหยื่อ ของที่แสดงตนว่าเป็นพระธาตุๆ ถ้าเป็นพระธาตุธรรมะเอ็งมี อะไร เอ็งรู้แจ้งอะไรในใจบ้าง ถ้าการรู้แจ้ง ธรรมะมันสูงส่ง มันไม่หาผลประโยชน์หรอก ไม่มาตอดเล็กตอดน้อยหา ผลประโยชน์กับสังคมหรอก เพราะธรรมะมันยิ่งใหญ่ มันไม่ ต่ำต้อยไปกว่าเงินทองของชาวบ้านแน่นอน แต่ถ้าเงินทอง ชาวบ้านยังยิ่งใหญ่ ธรรมของเอ็งไร้สาระ! 

เอาล่ะทีนี้พูดถึงเข้าคำถาม คำถามนี้หลังจากที่ว่าได้ฟังเทศน์หลวงพ่อเรื่องพลาสติกแล้ว หนูก็เลยไม่ไปกราบอีกเลยเรากราบพระธาตุโดยที่ไม่ต้องมีพระธาตุก็ได้ เรากราบองค์สมเด็จ- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจ จะกราบที่ไหนก็ได้ เวลาจะกราบ กราบด้วยหัวใจมันยิ่งใหญ่นะ ไม่ต้องไปกราบที่รูปสวยๆ รูปงามๆ ไปกราบกันอย่างนั้น วัดเขาก็เลยทำสิ่งนั้นไว้ให้เราไปกราบไปไหว้ เราจะกราบที่ไหนก็ได้ ถ้าจิตใจเราเป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมจริงๆ อย่าเร่ร่อน อย่าแส่ส่าย นี่พูดถึงโดยหลักการ 

ฉะนั้น สิ่งที่บอกว่าเขาได้พระธาตุมาแล้ว สิ่งที่ว่าหมอ ชีวกเป็นพระธาตุหรือไม่ไม่! แล้วยิ่งมา เห็นไหม มาบอกว่าเจ้าแม่กวนอิมอย่างนี้มันเป็นพระธาตุหรือไม่ไม่! เวลาก็อ้างอิงกันไปใช่ไหม เริ่มต้นก็พระธาตุก็เป็นพระบรมสารีริกธาตุ เป็นพระ- ธาตุของพระอรหันต์ พอที่ไหนเขามี เห็นไหม ที่นี่ก็หลอก ที่นู่นก็หลอก ที่นู่นก็หลอก แม่งหลอกทั่วประเทศไทยเลย สินค้ามันไม่แตกต่าง ของกูก็เลยพระธาตุหมอชีวก เดี๋ยวก็พระธาตุไอ้นู่น มันก็เป็นการเสนอ เสนอสินค้าที่แตกต่างเพื่อจะดึงความสนใจของคน พระธาตุเป็นพระธาตุหมายถึงเป็นพระธาตุอะไรก็ไม่รู้นะ เพราะทุกคนก็จะเสนอพระธาตุของตนที่แตกต่างจากที่มึงมี โอ้ว! นี่เรื่องของโลกไง เจ้าแม่กวนอิมท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งนะ แต่ถ้าใครเคารพบูชาก็ควรอยู่ในขอบเขตของมัน มันทำให้เราสับสนไง 

นี่ไง ถ้าพูดถึงนะ ในการภาวนานะ อริยสัจ สัจธรรมนะ เราใช้ปัญญา ถ้าปัญญาของเรา เราจะรู้เท่าทันกิเลสของตน มันต้องเป็นสัมมาทิฏฐิถูกต้องดีงามชัดเจนมาก แล้วนี่มันไขว้เขวกันขนาดนี้ นี่เริ่มต้นนะ เริ่มต้นมันเหมือนกับพลังงานมาจากอะไร พลังงานมาจากอะไร มาจากถ่านหิน มาจากไม้ มาจากแก๊สธรรมชาติ มาจากน้ำมัน มาจากอะไร 

นี่ก็เหมือนกันพระธาตุมาจากอะไร นี่เจ้าแม่กวนอิม หมอชีวกอย่างนี้มาเป็นพระธาตุ มันไม่มีหรอก มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้โดยข้อเท็จจริง มันเป็นไปไม่ได้เพราะท่านเป็นพระ-โพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์จะเป็นพระธาตุได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ แล้วที่มันเป็นมา มันเป็นมาเพราะอะไร มันเป็นมาเพราะปัญญา ของคนมันต่ำต้อย พอปัญญาของคนมันต่ำต้อยมันคิดได้แค่นี้ มันก็เสนอไอเดียอย่างนี้ แล้วพอเสนอไอเดียไป ปลุกกระแสมันก็เชื่อกันไป มันก็เลยเป็นกระแสสังคมไป 

เวลาเราพูดเรื่องศาสนา เราจะพูดประจำว่า ทุกคนยกย่องว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา แล้วพระพุทธ-ศาสนามีความเชื่อกันอย่างนี้ เวลาทางยุโรป คนที่นับถือศาสนา ผู้ที่ค้นคว้าศาสนาส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาเป็นอาจารย์ เขาสอนวิชาการ แล้วเขาค้นคว้า เพราะทางวิชาการมันชัดเจน พอมองเข้ามางงเลยนะ เฮ้ย! คนไทยชาวพุทธ เช้าใส่บาตร ตกเย็นตีไก่ ก็งงเลยนะ เฮ้ย! ชาวพุทธต้องเมตตาสิ เขาต้องมีเมตตาสิ แหม! เช้าใส่บาตรกราบไหว้อย่างดีเลย ตกเย็น ตีไก่ กินเหล้า พระพุทธศาสนาอะไร เขาก็งงเหมือนกัน 

เวลาเขาศึกษา เขาศึกษามาอย่างนั้น ส่วนใหญ่แล้วที่เราคิด เราคิดตรงนี้ เราคิดถึงบอกว่า ทุกคนภูมิใจกันว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของศาสนา เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา แล้ว ทุกคนก็มองมาหวังพึ่ง แต่พอเข้ามาทุกคนงงหมดเลยนะ พระ-พุทธศาสนาสอนเรื่องอย่างนี้กันเรอะ เป็นเรื่องพระธาตุเหมือนกัน เรื่องพระธาตุมันเป็นความเชื่อของเรานะ แล้วมันเป็นทุนนิยมที่ปลุกกระแสได้ 

ในพม่า ในลาวไปกราบสิ ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ในลาวสิ ในพม่าไปสิ ไปที่ไหนเขากราบเจดีย์โน่นเจดีย์ชเวดากอง นู่น ในเขมรมีไหม ในเมืองไทยเป็นทุนนิยม เป็นสิ่งที่แสวงหา ทรัพย์เงินได้ เป็นสิ่งที่แสวงหาทรัพย์ได้ พระเขมร พระพม่าเขาอยากจะเข้ามาเมืองไทย เพราะคนไทยใจดีชอบใส่ซอง เอาตังค์ใส่ซอง เมืองนอกเขาไม่ทำกันทั้งนั้น ชาวพุทธรอบเมืองไทยเขา ไม่ได้ทำกันทั้งนั้น พระบรมสารีริกธาตุเขาเอาไว้ที่วัด เขากราบ กันที่วัด ไอ้นี่มาโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเรียกร้อง โอ้ย! ร้อยแปด นี่เป็นทุนนิยม เป็นธุรกิจ เป็นการหาเงิน 

แต่เราเชื่อเรื่องพระธาตุนะ จะบอกว่า หลวงพ่อว่าเขา เต็มที่เลย หลวงพ่อไม่เชื่อเลยหรือ เชื่อ มีคนมาให้เยอะนะ บางทีพระเอามาเป็นพานเลยนะ เป็นตลับใส่มาเต็มเลย เราคืนหมด เรารับไว้แล้วให้คืน ตอนนี้เรามีอยู่ก็ของหลวงตา ของใครก็แล้วแต่ ที่เขาให้เรามา เราจะให้ประชาชนไปกราบไหว้ เพราะเรากราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราเอาความสูงส่ง เรื่องวัตถุจะไม่เอาเลย ใจเรานะวัตถุไม่เอาเลย อะไรก็ไม่เอา เพราะอะไร ถ้าเราเอาวัตถุปั๊บเนี่ยมันเหมือนเลยนะ เหมือนเราเป็นนิรนาม ใครจะด่าจะว่าอย่างไรไม่โดนเราหรอก แต่ถ้าเรามีนะ โอ้ย! เจ็บ

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามีวัตถุเมื่อไร เขาแย่ง เขาชิง แต่ถ้าไม่มีอะไรให้ชิงได้เลย เราไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มี ตัวตน ไม่มีอะไรเลย เออ! กูไม่มีอะไรเลยแล้วสบายมาก แล้วเอาเลย นี่ถึงไม่เอาไงเรื่องวัตถุ จริงๆ ไม่เอา ชื่อเสียงไม่เอา อะไรก็ไม่เอา ใครด่าได้เชิญเลย ด่าเลย ตามสบาย ไม่สน เอาธรรมะ เอาสัจธรรม 

ทีนี้เพียงแต่ว่าพอเป็นพระธาตุเป็นอะไรเป็นรูปเคารพนะ ไอ้นี่เป็นการยืนยันไง มันมีอยู่จริงนะ มันเป็นผลของการปฏิบัติ เป็นผลของความจริง แต่! แต่ไม่ใช่เอามาเพื่อเป็นสินค้ากัน นี่พูดถึงพระธาตุนะ เราจะบอกว่า ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์เป็นพลาสติก ซื้อขายกันที่สำเพ็ง ให้ลูกศิษย์ไปซื้อกันแล้วก็มาแจกกัน ภาษา เราใครจะให้สาธุ เอาคืนไป 

แต่ใจเรา เรานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใจเรายังนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เหมือนเดิม พลาสติก เอ็งไม่ต้องมาแจกหรอก ห้องน้ำกูขันพลาสติกก็มี ที่บ้านพลาสติก กูเยอะแยะ สีเหลือง สีเขียว สีอะไรก็มี เอ็งไม่ต้องมาแจก มันทำ กันขนาดนั้น พูดนะไม่ใช่พูดด้วยความไม่เคารพนะ ด้วยความเคารพบูชานับถือมาก เคารพมาก แต่ความเหลวแหลก การแสวงหาผลประโยชน์ การกระทำอย่างนั้นเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่พระพุทธศาสนา เอวัง